ลูกแมงมุมตัวเล็กสีขาวใสยืนอยู่บนดาวเคราะห์แปลกๆสีแดง แสงแดงส่องลงมายังดาวเคราะห์สีแดงสดใสสะท้อนสีไปตกลงบนตัวแมงมุมน้อย ทำให้เจ้าแมงมุมสีขาวใสกลายเป็นสีแดงไป
ลูกแมงมุมยืนทอดตามองไปไกลๆ มันเห็นแต่พื้นสีแดงกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่ตรงปลายของสีแดงก็มีขอบฟ้าสีฟ้ารออยู่ทุกทิศทาง มันอาจจะกำลังสงสัยอยู่ในใจว่า
“ที่จริงแล้วดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้มันกลมหรือแบนกันนะ”
“ถ้าเดินไปจนสุดขอบของดาวแล้ว มันจะตกจากดาวดวงนี้ไปหรือเปล่านะ”
นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่มันสงสัย แต่สิ่งที่มันรู้อยู่แล้วในตอนนี้คือ ดาวทั้งดวงไม่มีใครหรืออะไรอย่างอื่นอยู่เลย นอกจากมัน ไม่มีต้นไม้ ไม่มีหญ้า ไม่มีน้ำ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งพี่น้องหลายร้อยตัวของมันที่ออกมาจากรังของแม่พร้อมๆกัน
เจ้าแมงมุมจำได้ว่า ตอนที่ออกมาจากรังที่สร้างจากใยของแม่ มันก็ออกมาพร้อมกับพี่พี่น้องน้องอีกหลายพันตัว พอมันออกมาแล้วก็รู้สึกว่ามีลมหอบใหญ่พัดเข้ามา เจ้าแมงมุมรวมทั้งพี่น้องเหล่านั้นถูกลมพัดไกลออกมาจากรังของแม่ มันถูกพัดมาเรื่อยๆพวกพี่น้องทั้งหลายบางตัวก็ตกลงไปข้างล่าง บางตัวก็เกาะกับต้นไม้ไว้ได้ แต่กับมันยังคงลอยไปตามกระแสลมเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่มันลอยมากับลมจนมันหลับไป จนมาตื่นที่ดาวสีแดงดวงนี้ซึ่งมันพอรู้ตัวอีกทีมันก็กลายเป็นลูกแมงมุมตัวสุดท้ายที่ลอยมากับกระแสลม
ปัญหาอย่างแรกของมันคงไม่ใช่การหาเพื่อนแก้เหงา สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีสัญชาติญาณในการหากิน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะหาของกินได้เองโดยไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาสอน แต่สิ่งจำเป็นจริงๆก็คือต้องมีของกิน แต่กับดาวเคราะห์สีแดงผิวเรียบๆลื่นๆอย่างที่เจ้าแมงมุมน้อยอาศัยอยู่ดวงนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะมีของอะไรที่มันพอจะกินได้อยู่เลย
ไม่มีผลไม้ ไม่มีแมลง ของที่มันใช้ประทังชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้คือเศษใยแมงมุมของแม่ที่ใช้ทำรังนั่นเอง เศษใยแมงมุมของแม่ผืนใหญ่ติดมากับขาของเจ้าแมงมุมน้อย อาจจะเป็นสิ่งนี้ก็ได้ที่ทำให้มันลอยตามลมมาได้ไกลกว่าพี่น้องตัวอื่น ใยแมงมุมผืนใหญ่กว่าตัวของเจ้าแมงมุมหลายเท่ากางรับลมที่พัดมา มันอาจจะเป็นตัวการร้ายที่ทำให้เจ้าแมงมุมน้อยลอยมาติดอยู่ที่ดาวร้างดวงนี้ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นของมีค่าที่สุดของเจ้าแมงมุม เพราะมันเป็นแหล่งอาหารแหล่งเดียวที่มีอยู่ตอนนี้
เจ้าลูกแมงมุมค่อยๆกินใยแมงมุมผืนนั้นอย่างระมัดระวัง มันไม่อยากให้ใยแมงมุมอาหารเพียงอย่างเดียวหมดไปก่อนที่มันจะหาวิธีหาอาหารได้ เจ้าแมงมุมรู้ว่าใยพวกนี้กินได้เพราะมันกินตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มฟักออกมาจากไข่แล้ว แต่ถึงจะมีอาหารแล้วก็ตามแต่มันก็ยังต้องหาแหล่งอาหารอื่นเพื่อทดแทนหลังจากที่มันกินใยกลุ่มนี้หมดไป
ถึงจะเป็นแค่ลูกแมงมุมแต่มันก็รู้วิธีการสร้างใยด้วยตัวเองแล้ว มันรู้ว่าถ้าจะสร้างใยไว้ดักแมลงมันจะต้องถักใยเป็นตาข่ายแล้วขึงอยู่กับอะไรก็ได้สองฝั่ง เป็นกิ่งไม้สองกิ่งหรือใบไม้สองใบ แต่บนนี้ไม่มีกิ่งไม้หรือใบไม้ให้มันขึงใยแม้แต่น้อย แต่แล้วมันก็นึกออกว่า ถ้าไม่ขึงกับกิ่งไม้บางทีเราก็ขึงตาข่ายใยแมงมุมลงบนดินได้นี่ แมลงบนดินก็มี “รสชาติก็...น่าจะใช้ได้นะ” คิดถึงตอนนี้ก็เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เกิดมามันยังไม่เคยกินแมลงเลยสักตัว
มันจะเคยกินได้อย่างไรก็ในเมื่อบนดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีแมลงอยู่เลยสักตัว จะมีก็แค่แมงตัวเดียวเท่านั้น คือแมงมุงตัวมันเองตัวเดียวโดดๆ พอคิดได้อย่างนั้นโครงการการสร้างตาข่ายใยแมงมุมก็ต้องปิดตัวลงตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือ แต่ว่า...
“เราเป็นแมงมุมนะ ถ้าไม่ชักใยแล้วเราจะทำอะไรได้”
พอคิดได้อย่างนี้มันก็เริ่มสร้างใยแมงมุมของตัวเองขึ้นมาทีละนิดๆโดยไม่สนใจความคิดอื่นอีก มันถักทอเส้นใยของมันเหล่านั้นเป็นตาข่ายแปดเหลี่ยมตามสัญชาติญาณ น่าเสียดายที่เส้นใยดักแมลงของมันไม่ได้มีสารอาหารเหมือนกับเส้นใยที่ใช้ผลิตรังแบบของแม่ ไม่อย่างนั้นมันคงกินใยของมันเองเป็นอาหารไปแล้ว
เจ้าแมงมุมถักทอใยขึ้นมาทีละกลุ่มๆ เริ่มต้นด้วยการลากใยให้เป็นรูปสามเหลี่ยม จากนั้นก็ค่อยๆโยงใยให้กลายเป็นแปดเหลี่ยม แล้วก็ค่อยๆถักใยวนจากข้างนอกเข้ามาใจกลางของใย ทำให้เป็นตาข่ายเหนียวดักแมลง
การถักทอเส้นใยกลุ่มหนึ่งใช้เวลากับพลังงานไม่ใช่น้อย มันถักทอกลุ่มใยแมงมุมได้แค่ 5 กลุ่มมันก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว การถักทอเส้นใยครั้งนี้ของมันกินเวลาไปถึง 3 วัน แต่ในสามวันที่ผ่านมาไม่มีแมลงเข้ามาติดใยเลยสักตัว ไม่มีแม้แต่จะบินผ่าน
แรงของเจ้าลูกแมงมุมน้อยลงทุกที พอๆกับใยของแม่แมงมุมที่เหลือพอที่จะกินได้อีกแค่วันเดียวเท่านั้น เจ้าแมงมุมยืนมองกลุ่มใยที่อุตส่าห์ถักทอขึ้นมาอย่างหมดหวัง มันสามารถที่จะสร้างอุปกรณ์หากินได้ และมันก็ได้ทำเต็มความสามารถของมันแล้วด้วย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่างหากที่ทำให้มันต้องพ่ายแพ้
ขณะที่เจ้าลูกแมงมุมกำลังทอดถอนใจอยู่นั้น อยู่ๆก็มีลมพัดมาหอบใหญ่ ลมพัดครั้งนี้แรงมากจนทำให้มันเกือบปลิวไปตามลม แต่ยังโชคดีที่มันใช้ขาทั้งแปดยึดเกาะได้อยู่ ที่มันเป็นห่วงในเวลานี้คือใยแมงมุมที่มันอุตส่าห์สร้างขึ้นมา กลัวว่ามันจะปลิวไปตามลมด้วย แต่เจ้าใยพวกนี้ก็เหนียวพอที่จะไม่ปลิวไปตามลม เจ้าแมงมุมรู้สึกโล่งใจและลึกๆมันก็ภูมิใจในความแข็งแรงของใยที่มันสร้างขึ้น มันคิดว่าถ้าที่นี่มีแมลงไม่ว่าจะเป็นแมลงตัวใหญ่แรงเยอะแค่ไหน ถ้ามาติดใยของมันไม่มีใครจะดิ้นหลุดไปได้แน่นอน
คิดได้เพียงแค่ก็เห็นของบางอย่างลอยผ่านหน้าไป ก้อนอะไรบางอย่างสีขาวละมุนลอยผ่านไป มันเป็นใยรังแมงมุมอาหารเพียงอย่างเดียวและเป็นแหล่งอาหารแหล่งสุดท้ายของมันกำลังลอยไปตามลม ตั้งแต่มันมาอยู่ที่ดาวสีแดงดวงนี้ได้สองวันไม่เคยมีลมพัดมาเลยสักครั้ง มันมันกินเส้นใยแล้วก็วางไว้ตรงนั้นไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น มันคิดว่าอย่างน้อยมันน่าจะยังสามารถเก็บไว้กินได้อีกหลายมื้อ และในเวลานั้นมันอาจจะหาวิธีหาอาหารได้แล้ว แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ความหวังในการมีชีวิตอยู่ของมันก็ดับวูบลง
เจ้าแมงมุมนอนหงายท้องเหมือนแมงมุมตายแล้ว มันรู้สึกหมดแรงหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป มันยังไม่สามารถหาอาหารเองได้ และแหล่งอาหารแหล่งสุดท้ายของมันก็หายไปแล้ว อนาคตที่มันมองเห็นมีแต่การอดตายเท่านั้น มันเลยทำท่านอนรอความตายทั้งๆที่มันยังไม่ตาย มันคิดว่าถ้าลมพัดมาอีกมันก็จะให้ลมพัดมันไปถึงจะไปตกที่ไหนก็ตามแต่ อาจจะไปตกที่ปลายดาวสีแดงดวงนี้ ตกไปนอกดาวสีแดงดวงนี้ หรืออาจจะตกแค่ใกล้ๆนี้
“ตกแค่ใกล้ๆนี้”
ใยของมันอาจจะตกอยู่ใกล้ๆนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ ถึงลมจะพัดมาแรงแต่ก็ไม่นานถ้ามันเดินไปตามทางที่ลมพัดเมื่อกี้มันอาจตามไปเจอก็ได้ ใช่แล้วตั้งแต่มันมาที่ดาวดวงนี้มันยังไม่เคยออกไปไหนเลยนอกจากที่ๆมันอยู่ ไม่แน่ว่าที่อื่นอาจจะมีแมลงก็ได้ พอคิดได้แล้วมันก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาอีกครั้งถึงแม้ท้องจะยังหิวอยู่ก็ตาม
เจ้าแมงมุมออกเดินไปทางทิศที่ใยสีขาวลอยผ่านหน้ามันไป มันเดินไปเรื่อยๆรู้สึกว่าพื้นดาวมันลาดลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินยิ่งลาดลงเรื่อย ขณะที่มันเดินอยู่สายตามันก็คอยมองหาใยสีขาวอาหารของมันกับแมลง แต่เดินมาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เจอแม้สักอย่างเดียว ความฮึกเหิมของมันในตอนแรกหายไปกว่าครึ่ง แต่แล้วขามันก็รู้สึกหมดแรงเอาดื้อๆ เจ้าแมงมุมล้มลงตัวมันแนบไปกับพื้นในขณะที่ขาทั้งแปดกางออกไปรอบๆตัว พื้นตรงที่มันยืนอยู่ลาดชันกว่าทุกที่ที่มันเดินผ่านมา ตัวของเจ้าแมงมุมลื่นไถลไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว สายตามันมองตรงไปข้างหน้ารู้สึกว่าพื้นสีแดงแหว่งหายไป
“ไม่ใช่แหว่งหายไป” เจ้าแมงมุมคิดมันเป็นขอบมากกว่า มันเป็นขอบของดาวดวงนี้ถ้ามันยังลื่นไถลไปแบบนี้มันต้องตกจากดาวดวงนี้แน่ๆ
คิดได้อย่างนั้นมันก็พยายามยืนขึ้น ใช้ขาทั้งหมดพยายามตะกุยปัดป่ายเพื่อหาทางเกาะพื้นเอาไว้ มีบางครั้งที่ความเร็วในการลื่นไถลลดลงแต่มันก็ไม่ได้หยุดซะลงทีเดียว เพราะขาที่กางออกมากเกินไปในตอนแรกทำให้มันออกแรงได้ไม่เต็มที่ ขามันยาวเกินไปที่จะยันตัวเองขึ้นมาได้ในขณะลื่นไถล
ในขณะที่มันกำลังจะหลุดออกไปนอกพื้นผิวสีแดงนั้น เจ้าแมงมุมก็ออกแรงสร้างใยยึดเกาะออกมา มันเอาใยที่สร้างจากแรงเฮือกสุดท้ายของมันติดลงบนผิวของดาวสีแดงได้ทัน มันไม่รู้ว่าใยที่มันสร้างออกมานี้เรียกว่าใยยึดเกาะ ถ้าเทียบความแข็งแรงแล้วใยชนิดนี้มีความแข็งแรงกว่าเหล็กกล้าเสียอีกถ้ามันมีขนาดเท่ากัน
เจ้าแมงมุมห้อยตัวอยู่กับใยของมัน ด้วยความตกใจและความไม่มั่นใจในใยยึดเกาะที่มันเพิ่งเคยสร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทำให้มันไม่กล้าขยับตัว
มันได้แต่ห้อยตัวอยู่อย่างนั้นสำรวจมองไปรอบๆตัว ดาวสีแดงที่มันอาศัยอยู่เป็นรูปทรงกลมสีแดงสดแต่ตาของมันมองเห็นเป็นสีเทาๆเพราะมันตาบอดสี พื้นผิวมันเงาตรงข้างใต้ของดาวที่เห็นอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าจะมีเส้นอะไรบางอย่างห้อยออกมา เส้นตรงสีดำเส้นใหญ่โยงอยู่กับกล่องสีเขียวขนาดมหึมาที่มันมองเห็นเป็นกล่องสีเทาเข้ม เป็นกล่องที่ใหญ่กว่าดาวสีแดงที่มันอาศัยอยู่อย่างเทียบกันไม่ได้
ขณะที่เจ้าแมงมุมกำลังเพ่งตามองเส้นตรงสีดำอยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังมาก มันเป็นเสียงดนตรี ที่จริงเสียงมันดังอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่เจ้าแมงมุมไม่ทันได้ฟังต่างหาก นอกจากเสียงดนตรีแล้วก็มีเสียงพูดของมนุษย์ผู้หญิงที่มันฟังไม่เข้าใจ แต่มันก็รู้สึกว่าเป็นเสียงที่ดังมาก
“ยินดีต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้เป็นวันฉลองครบรอบ 50 ปีของเมืองลูกโป่งแห่งนี้”
“อย่างที่รู้กันว่าเมืองลูกโป่งของเรา กำเนิดมาจากการค้นพบแก๊ส “มู” ซึ่งเป็นแก๊สพิเศษมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ ไม่ไวไฟ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งแก๊สมูนี้เป็นการค้นพบโดย ท่านด็อกเตอร์ มู บิดาแห่งเมืองลูกโป่งของเรา นับตั้งแต่นั้นเราก็ใช้วิทยาการต่างๆมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นเมืองแห่งนี้ขึ้น”
“จะเห็นได้ว่าสิ่งของเกือบทุกอย่างในเมืองนี้จะมีส่วนประกอบเป็นลูกโป่งแก๊สมู ไม่ว่าจะเป็นม้านั่ง โคมไฟ ยานพาหนะที่เรียกว่า “มูมูฟ” หรือแม้แต่บ้านเรือนของเรา รวมทั้ง “ตึกใต้แดง” หรือ “Under red building” ตึกที่สูงที่สุดของเมืองที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ได้ด้วยลูกโป่งใบยักษ์สีแดงเพียงลูกเดียว...”
ถ้าเจ้าแมงมุมสามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้ มันก็คงได้รู้ว่าดาวเคราะห์สีแดงที่มันอาศัยอยู่มาจนถึงวันนี้นั้นเรียกว่าลูกโป่งแก๊สมู
แต่ถึงเจ้าแมงมุมจะไม่รู้ความหมายของคำพูดของมนุษย์ผู้หญิงเลยแม้แต่คำเดียว แต่ด้วยเสียงนั้นอย่างน้อยมันยังบอกได้ว่าข้างล่างนั่นมีอะไรอยู่ อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิต อาจจะเป็นที่อยู่อาศัยของแมลง อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไรๆมากกว่าบนลูกโป่งสีแดงนี่
ตอนนี้เจ้าแมงมุมรู้สึกอยากลงไปข้างล่างอย่างบอกไม่ถูก มันกำลังมองว่าถ้าสามารถไต่ไปตามเส้นสีดำใต้ลูกโป่งได้มันก็น่าจะไต่ลงไปถึงข้างล่างได้ แต่มันจะไต่ไปได้อย่างไรล่ะในเมื่อมันลื่นมาก ลื่นจนขาทั้งแปดข้างของมันเกาะไม่อยู่ ลื่นมากจนทำให้มันต้องมาห้อยอยู่อย่างนี้ตอนนี้
“ห้อยอยู่อย่างนี้”
เจ้าแมงมุมเพิ่งนึกได้ว่ามันแขวนตัวเองอยู่กลางอากาศมาพักใหญ่แล้ว แสดงว่าเส้นใยของมันแข็งแรงพอที่จะประคองตัวมันเอาไว้ได้ แต่จะแข็งแรงพอที่จะส่งมันลงไปถึงพื้นข้างล่างได้หรือเปล่านะ
ถึงจะคิดอย่างนั้นเจ้าแมงมุมก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยใยเพิ่ม มันค่อยๆหย่อนตัวเองลงไปทีละนิดๆ ไม่รู้ว่ามันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่พอมีความหวังรออยู่ตรงหน้ามันก็ลืมเรื่องเหล่านั้นไปหมด
เจ้าแมงมุมปล่อยใยอย่างระมัดระวังเพราะยังไม่แน่ใจในใยยึดเกาะของตัวเองมากนัก มันทำให้เจ้าแมงมุมไปได้ไม่ถึงไหน แต่นั่นก็อาจจะเป็นโชคดีของมัน เพราะทันใดนั้นก็มีลมพัดมาอีกหอบหนึ่ง ถึงจะไม่แรงเท่ากับครั้งแรกที่พัดเอาใยรังของมันหายไป แต่ก็แรงพอที่จะพัดให้เจ้าแมงมุมแกว่งไปมาอย่างหวาดเสียวในตอนนี้
ลูกแมงมุมพยายามเกาะเส้นใยของมันเต็มแรง บางทีมันอาจจะรู้ว่าถึงมันตกลงไปข้างล่างมันอาจจะไม่ได้กระแทกพื้นจนตายหรือพิการ หรืออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นกรณีที่มันลงไปที่พื้นดิน แต่ถ้าไม่ใช่พื้นดินล่ะ ถ้าจุดที่มันตกไปเป็นน้ำเป็นบ่อน้ำ อ่างน้ำ หรือแม้แต่แก้วน้ำมันอาจจะจมน้ำตายได้ หรือโชคร้ายกว่านั้นถ้ามันตกลงบนปล่องไฟ บนเตาไฟ บนจานไก่ย่างที่เพิ่งย่างเสร็จ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือมันตกลงบนก้านไม้ขีดที่เพิ่งจุด เปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตแทบจะมีเท่ากับเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตทีเดียว อย่างน้อยถ้ามันจะต้องเสี่ยงมันอยากจะมีวิธีที่จะลดความเสี่ยงให้กับตัวมันแม้จะนิดหน่อยก็ยังดี
ลมหยุดพัดแล้ว แมงมุมน้อยรีบไต่กลับขึ้นไปบนลูกโป่งอย่างไม่รอช้า มันกลัวว่าลมจะพัดมาอีก และอีกอย่างหนึ่งคือมันนึกอะไรขึ้นมาได้วิธีที่จะลงไปสู่พื้นข้างล่าง ถึงจะรู้สึกว่าวิธีที่คิดได้มันเสี่ยงน้อยกว่าการปล่อยตัวเองให้ตกลงไปตามยถากรรม แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยงอยู่เลย มันต้องการเวลาตั้งตัวและเตรียมตัวเล็กน้อย มันตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางนี้แน่นอนถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
แต่เมื่อคิดอย่างนั้นมันมักจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสับสน เพิ่งไต่ขึ้นมาถึงบนลูกโป่งสิ่งแรกที่เจ้าแมงมุมเห็นก็คือใยสีขาวนวลก้อนหนึ่ง มันเป็นใยรังแหล่งอาหารเพียงแหล่งเดียวของมันที่โดนลมพัดหายไป มันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันทำไมตอนที่เจ้าแมงมุมเดินมาถึงจึงไม่เห็นมัน หรืออาจจะเป็นลมที่พัดเมื่อกี้นี้ ใยอาจจะไปติดอยู่ที่ไหนสักที่พอลมพัดอีกครั้งก็พัดใยพวกนี้มา
“พัดมาทำไมกันตอนนี้”
เจ้าแมงมุมกำลังคิดที่จะเสี่ยงชีวิตลงไปข้างล่างเพราะเห็นว่าอยู่บนนี้ต่อไปมันก็ต้องอดตายอยู่ดี แต่พอมันขึ้นมาเตรียมตัวมันก็ได้พบของที่จะยืดอายุมัน ของที่จะประทังชีวิตของมันได้มันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3-4 วันนานซึ่งในช่วงนั้นมันอาจจะเจอวิธีการลงไปข้างล่างที่ปลอดภัยกว่าเสี่ยงน้อยกว่าที่คิดอยู่ก็ได้ แต่ถ้าถึงเวลานั้นแล้วมันไม่เจอวิธีการลงไปข้างล่างที่ปลอดภัยกว่านี้ก็ได้ ซ้ำร้ายมันยังอาจไม่กล้าที่จะเสี่ยงอีกต่อไปก็ได้ มันกำลังเกิดความคิดขัดแย้งขึ้นภายในใจ มันจะเข้าข้างฝั่งไหนดี
เจ้าแมงมุมนิ่งมองกองใยสีขาวนวลนั้นพักใหญ่ ก่อนที่มันจะค่อยๆก้าวช้าๆเข้าไปหาใยก้อนนั้น ตอนนี้มันหิวมาก มันเริ่มแทะกินใยรังก้อนสุดท้ายอย่างไม่ยั้ง ดูท่าทางเหมือนว่าเจ้าแมงมุมจะเป็นบ้าไปแล้ว
หลังจากกินใยก้อนนั้นจนหมด เจ้าแมงมุมก็นอนหลับไป มันไม่ได้บ้าเพียงแต่มันตัดสินใจเลือกที่จะไม่รออีกต่อไป ดีเสียอีกมันกำลังต้องการอาหารอยู่พอดี มันต้องการแรงและสมาธิอย่างมากเพื่อการเดินทางไปสู่จุดหมายของมัน
เจ้าแมงมุมตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว แมงมุมส่วนใหญ่ออกหากินในเวลากลางคืน แต่ตอนนี้เจ้าแมงมุมขาวไม่ได้จะออกหากิน มันกำลังจะออกเดินทาง เจ้าแมงมุมเดินไปหยุดอยู่ริมลูกโป่งตรงจุดที่มันเคยลื่นไถลตกลงไป แต่คราวนี้มันยืนอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
เจ้าแมงมุมขยับขาทั้งแปดไปมา เหมือนจะเป็นการอบอุ่นร่างกายก่อน จากนั้นมันเริ่มสร้างใยออกมา ใยชุดแรกเป็นใยเหนียวที่ใช้ยึดเกาะ มันเอามาพันไว้ที่ขาข้างที่สองและสามของทั้งฝั่งซ้ายและขวาเอาไว้ และพันขาคู่ที่สามกับสี่เอาไว้อีกที โดนขาคู่ที่สี่พันให้เหลือขาปล้องสุดท้ายเอาไว้ เพื่อที่จะใช้เดินและใช้ส่งเส้นใยที่ปล่อยออกมาทางก้นไปให้ขาคู่หน้า
ขาคู่หน้าส่วนที่เหลือใช้จับใยมาพันเข้ากับขาของมันเอง พอใช้ใยยึดเกาะพันขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็พ่นใยเล็กละเอียดออกมาอีกชุดหนึ่งปูลงบนเส้นใยชุดแรงที่พันขาเอาไว้
เจ้าแมงมุมง่วนกับการเตรียมตัวอยู่พักใหญ่ แต่ตอนนี้มันพร้อมแล้ว ไม่รู้ว่าตัวของเจ้าแมงมุมสีขาวกลายเป็นสีดำไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นั่นก็แสดงถึงว่ามันโตเป็นแมงมุมผู้ใหญ่แล้ว ตัวที่ดำสนิทกับขาที่พันด้วยใยสีขาวทั้งสองข้าง ทำให้มันดูเหมือนแมลงประหลาดตัวหนึ่ง เจ้าแมงมุมขยับขาเดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดหนึ่งมันก็ลื่นไถลตัวลงมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ปล่อยใยยึดเกาะอีกแล้ว มันปล่อยตัวเองให้หลุดออกมาจากลูกโป่ง หลุดออกมาไกลเกินกว่าที่จะกลับขึ้นไปยังลูกโป่งได้อีก
แมงมุมสีดำลอยหลุดออกมากลางอากาศ หลายคนคิดว่ามันจะต่างอะไรกันกับที่มันจะปล่อยตัวเองลงมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มันห้อยอยู่กับเส้นใย แต่กับเจ้าแมงมุมแล้วอย่างน้อยการที่มันมีปีกที่ทำให้มันสามารถบังคับทิศทางของตัวเองได้นั้น มันก็ยังดีกว่าที่มันจะไม่สามารถกำหนดอะไรได้เลย
แต่...มันจะกำหนดทิศทางบินได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อมันไม่เคยบินมาก่อน และวิธีการบินก็ไม่ได้อยู่ในสัญชาติญาณของมันเลยด้วย นี่เองที่เป็นความเสี่ยงที่ยังหลงเหลืออยู่...
...เจ้าแมงมุมลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง ตัวที่แสนเบาของมันทำให้มันลอยตกลงมาอย่างช้าๆ ขาที่พันใยอยู่ลองขยับไปมา มันเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอย่างรวดเร็ว แมงมุมตัวน้อยกำลังบิน ไม่ใช่แค่ลอยไปตามลม แต่เป็นการบินด้วยตัวมันเองจริงๆ
แมงมุมปีกใยเป็นแมงมุมพันธ์ใหม่ที่มีแต่ใน “เมืองลูกโป่ง” แห่งนี้เท่านั้น
เรื่องเมืองลูกโป่งเขียนไว้ทั้งหมด 3 ตอน
ตอบลบเป็นเรื่องที่ทดลองเขียนน่ะครับ ไม่ได้เลียนแบบมาจากหนังเรื่อง UP นะ เรื่องนี้เขียนก่อนอีก (ออกตัวๆ)