เหตุที่ไม่ใช่แค่คน

ก็เพราะไม่ใช้ว่าจะมีแต่เรื่องราวที่มีผู้ดำเนินเรื่องเป็นแค่คนอย่างเดียวนี่ เลยไม่ใช้แค่(เรื่องของ)คน

ก็เพราะเป็นเรื่องราวอะไรบ้างก็ไม่รู้ที่เอามาเทๆรวมกัน ครั้นพอจะรวมให้เป็นเรื่องเดียวกันแค่จะเอาไม้พายมาคนๆแค่นั้นมันเห็นจะไม่พอ อาจต้องใช้วิธีตัดแปะ จับเพาะชนเกะ จนมันพอจะอ่านเป็นเรื่องเดียวกันแต่ในอารมณ์แบบ "หือ มันมาจากเหตุนี้เหรอ"

แค่เปิดหน้าก็น่างงแล้ว เรื่องราวข้างในอาจงงงวยยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

White Ribbon

ริบบิ้นสีขาวยาวประมาณศอก ถูกพับครึ่งทำมุมเก้าสิบองศา ริบบิ้นเส้นที่อยู่ด้านล่างทบขึ้นมาด้านบนสลับกันไป โดยมีจุดที่พับเป็นแกนกลาง

ซ้ายทบขวา ขวาทบซ้าย ผมพับริบบิ้นเส้นเล็กไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงเล็กแหลมทำนองอย่างฮาร์ทคอลล์ ไม่รุนแรงนักแต่ออกจะเสียดแทง

ทุกคำที่ได้ยินมันทำให้หัวใจของผมรู้สึกปวดแปลบเล็กๆ ทั้งที่เสียงเดียวกันนี้เคยเปล่งออกมา ด้วยทำนองอย่างเพลงป็อปหรือR&B ที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกสบายใจทุกครั้งมา

เวลาหนึ่งปีที่รู้จักกับเธอมาผมคิดว่ารู้จักเธอดีแล้วเชียว แต่จริงๆแล้วมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่รู้อย่างเช่นเรื่องวันนี้
เราคบกันหลังจากที่รู้จักกันมาประมาณสามเดือน เธอเป็นเพื่อนของเพื่อนสาวของเพื่อนชายของผม

เราได้คุยกันและเริ่มสนิทกันตั้งแต่วันนั้น ผมมีบางอย่างน่าสนใจในสายตาเธอในขณะที่ผมก็คิดว่าเธอมีนิสัยดีน่าจะเข้ากับผมได้
ในช่วงแรกเธอทำให้ผมเห็นว่าเธอไม่ถือสาในความไม่โรแมนติกของผมและนั่นก็ทำให้ผมชอบเธอมากขึ้น

เธอรู้ว่าผมขี้อายมาก โดยเฉพาะกับเรื่องรักหวานซึ้งแบบนี้ ผมไม่เคยจีบเธออย่างเป็นทางการ สิ่งที่ผมทำก็เพียงแค่แสดงความห่วงใยต่างๆนานาที่ผมมีส่งไปให้เธอด้วยวิธีธรรมดาๆ แต่เธอก็รับรู้ความรู้สึกอื่นๆ ที่ส่งไปพร้อมกับความห่วงใยอันนั้นได้ นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามาคบกัน

ริบบิ้นในมือผมถูกพับจนสุดเส้น ในบรรยากาศที่ผมไม่เคยได้รับจากเธอมาก่อน
ผมใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งมือซ้ายจับที่ปลายริบบิ้นทั้งสองข้างไม่ให้มันหลุด ริบบิ้นสีขาวตอนนี้มองดูคล้ายสปริงสี่เหลี่ยมเส้นยาว มองคล้ายส่วนที่ใช้เก็บลมของหีบเพลง ผมปล่อยปลายริบบิ้นอีกฝั่งที่เป็นแกน สปริงริบบิ้นเด้งขึ้นลงตามความยืดหยุ่นที่มันมี

ในตอนนี้ความหวังของผมคือสปริงริบบิ้นสีขาวเส้นเล็กน่าจะทำให้เธอได้คลายอารมณ์บ้างในเวลานี้ ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมาตื่นเต้นกับเรื่องธรรมดาไร้สาระแบบนี้ ผมยื่นมือที่ถือริบบิ้นสีขาวเส้นนั้นไปที่เธอ เธอปัดริบบิ้นสีขาวเส้นนั้นออกไปอย่างไม่สนใจ
ในเวลาที่ผมได้อยู่กับเธอเราเข้ากันได้ดีอย่างแปลกประหลาด หลายครั้งที่ผมทำเรื่องที่คนอื่นๆไม่ทำกันเช่นพกผ้าห่มเข้าไปในโรงหนัง อ่านหนังสือตลกแล้วหัวเราะออกมาอย่างลืมตัวในรถไฟฟ้า ถอดรองเท้าเดินในที่ทำงาน เธอยอมรับผมได้ในเรื่องพวกนี้และบางครั้งก็มีคนเห็นเธอทำเหมือนกับที่ผมทำ

ผมเคยแซวเธอว่าเลียนแบบทำไม เธอตอบกลับมาว่าแล้วเรื่องที่ทำมันเป็นเรื่องผิดหรือเปล่า เธอมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเธอก็น่าจะมีสิทธิที่จะทำได้เหมือนกัน

ผมเก็บสปริงริบบิ้นสีขาวเส้นเล็กนั้นขึ้นมาจากพื้น เธอมองตามอย่างอารมณ์เสีย ผมคลี่ริบบิ้นเส้นนั้นออกแล้วค่อยๆพับแบบเดิมใหม่อย่างช้าๆ ในขณะที่เธอเริ่มบรรเลงเพลงฮาร์ทคอลล์ของเธออีกครั้ง เธอพูดถึงเรื่องหลายๆเรื่องที่เธอไม่ชอบให้ผมทำ
โตแล้วนะยังชอบเล่นอะไรเป็นเด็กอยู่ได้ ใช้เงินฟุ่มเฟือย หนวดทำไมไม่โกนสกปรก รวมทั้งรื้อเรื่องที่เคยทะเลาะกันออกมาเกือบทุกเรื่อง แต่เธอไม่ได้บอกว่าที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้อารมณ์ของเธอเสียวันนี้เป็นเรื่องอะไร

เธอชอบว่าผมเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งลังที่ผมให้เธอไปเมื่อเดือนที่แล้วโดยอ้าวว่าให้เธอช่วยกินผมจะเอาซองไปชิงโชค ที่จริงแล้วผมเป็นห่วงเธอว่าเธอจะไม่มีอะไรกินในช่วงที่เราทั้งสองคนเงินหมดตั้งแต่กลางเดือน เธอเจอใบเสร็จที่ผมซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองลังบนรถของเธอ

หลายครั้งที่ผมบอกเธอว่าแก๊สที่บ้านหมดเพื่อที่จะไปขอเธอกินข้าว ด้วยและเธอก็ยอมทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่เคยทำกับข้าวกินเอง ดังนั้นบ้านผมเลยมีแต่เตาถ่านเก่าๆของคุณย่า

ครั้งหนึ่งผมเคยชวนเธอไปซื้อของขวัญให้เพื่อนผู้หญิงที่สนิทมากคนหนึ่งโดยบอกว่าผมไม่รู้รสนิยมของผู้หญิง
เธอเลือกไปบ่นไปว่าทีกับเธอยังไม่เคยได้ของขวัญอะไรจากผมเลย หนึ่งเดือนต่อมาเธอได้รับของขวัญชิ้นที่เธอเลือกส่งไปที่บ้านโดยมีการ์ดที่เขียนว่า

“ของที่ถูกใจ จากคนที่รู้ใจ” พร้อมแนบใบเสร็จวันซื้อเมื่อหนึ่งเดือนก่อนไปให้เธอด้วย

ผมรู้ว่าเธอโกรธผมและก็รู้ด้วยว่าเธอโกรธผมเรื่องอะไร วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์เป็นวันวาเลนไทน์ครั้งแรกของเราตั้งแต่เราสองคนรู้จักกันมาเกือบปี ผมเป็นคนขี้อายโดยเฉพาะกับเรื่องแนวโรแมนติกหวานซึ้งอะไรทำนองนี้ ผมคงไม่กล้าเดินไปซื้อดอกกุหลาบแล้วเดินถือจนมาส่งถึงมือเธอได้

แต่ผมมีของขวัญอย่างอื่นมาให้เธอเป็นสมุดเล่มสวยเล่มหนึ่งผมรู้ว่าเธอชอบบันทึก แต่บนสมุดนั้นไม่ได้มีรูปหรือลวดลายที่เป็นดอกกุหลาบ หัวใจหรืออะไรก็ตามที่มีความหมายว่ารักชอบเลยแม้แต่น้อย

เธอบอกว่าเธอไม่ได้ต้องการของขวัญที่มีราคาแพง เธอต้องการของแค่ชิ้นเดียวเธอถามผมว่ารู้มั้ยว่าเธอต้องการอะไร ผมตอบกลับไปว่าไม่รู้ หลังจากนั้นบรรยากาศในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาครึ่งชั่วโมงของเราสองคนก็กลายเป็นบรรยากาศในวันปฏิวัติอะไรซักอย่างไป ผมไม่รู้ว่าเธอจะโกรธถึงขนาดนี้ผมยอมรับว่าผมยังไม่รู้จักเธอดีพอจริงๆ แต่เธอก็ยังไม่รู้จักความเจ้าเล่ห์ของผมดีพอเหมือนกัน

ริบบิ้นเส้นเล็กสีขายกลายเป็นสปริงริบบิ้นสี่เหลี่ยมสีขาวอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ได้ยื่นให้เธอ ผมถือริบบิ้นไว้ในมือแล้วจ้องหน้าเธอ เธอค้อนใส่แล้วทำท่าจะพูดอะไรต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรผมก็ชิงพูดกับเธอก่อน

“ผมคงเป็นคนขี้อายเกินกว่าที่จะเดินถือดอกกุหลาบไปไหนมาไหน แต่ถ้าเป็นริบบิ้นสักเส้นแล้วละก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย”

“เรารู้จักกันกันครั้งแรกด้วยความรู้สึกที่ราบเรียบธรรมดา เมื่อเราได้มาอยู่ใกล้ชิดกันเหมือนริบบิ้นที่ถูกพับเอาปลายทั้งสองข้างเข้ามาหากัน เราผูกพันกันอย่างช้าๆถึงจะยังไม่แน่นหนาอย่างเกลียวเชือก แต่ก็ผูกพันกันอย่างที่ไม่หลุดจากกันง่ายๆ”

มือซ้ายจับริบบิ้นเส้นเล็กที่ปลายทั้งสองข้างปล่อยส่วนที่เป็นแกนลง มือขวาเลือกจับปลายริบบิ้นที่สั้นกว่าแล้วค่อยๆดึง สปริงริบบิ้นค่อยๆเปลี่ยนไป

มันมองดูคล้ายกับทรงกรวย มันดูคลายกับพายุหมุนที่ดูดทุกสิ่งลงสู่ใจกลาง
ริบบิ้นส่วนหนึ่งถูกดึงลงข้างล่างในขณะที่ส่วนหนึ่งยังคงอยู่ที่เดิม

“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับผมแต่ผมรู้ว่าความผูกพันของเราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามเวลา อย่างเป็นขั้นตอน ถ้าดอกกุหลาบแสดงถึงความรักและสีขาวแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจผมก็อยากจะมอบดอกกุหลาบสีขาวดอกนี้ให้กับคุณ”

ริบบิ้นสีขาวตอนนี้ดูคล้ายกับดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่ง

“Happy Valentine ครับ”

2548

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น